Skip to content

การจัดส่งแบบพิเศษ

สินค้าบางกลุ่มที่แตกต่างจากสินค้าอื่นๆ ในร้าน เช่น สินค้าที่มีขนาดใหญ่ หรือสินค้าที่แตกหักง่าย การคำนวณค่าใช้จ่ายในการจัดส่งอาจจะสูงกว่าสินค้าทั่วไป ผู้ดูแลร้านค้าสามารถกำหนดสินค้าที่อยู่ในกลุ่มพิเศษนี้ และกำหนดราคาจัดส่งแบบพิเศษนี้ได้

วิธีตั้งค่าการจัดส่งแบบพิเศษ

การที่จะเข้าไปตั้งค่าวิธีการจัดส่งพิเศษ ต้องทำตามทั้ง 3 ขั้นตอนนี้

ขั้นตอนที่ 1 เพิ่มวิธีการจัดส่งสำหรับสินค้าพิเศษ

  1. ที่หน้าตั้งค่า Wordpress ไปที่แถบเมนู WooCommerce เลือกหัวข้อ ตั้งค่า จากนั้นเลือก การจัดส่ง และคลิก เพิ่ม Class
  2. ในหน้าต่างเพิ่มประเภทการจัดส่ง (Add Shipping Class) ให้ ตั้งชื่อ Class ที่ต้องการ และระบุรายละเอียดของกลุ่มสินค้านี้
  3. คลิกปุ่ม สร้าง เพื่อบันทึกรายการนี้

ตัวอย่างเช่น

ร้านค้ามีการจัดส่งสินค้ากลุ่มพิเศษ Class ที่เพิ่มเข้าไป คือ สินค้าขนาดใหญ่ และ สินค้าแตกหักง่าย

ขั้นตอนที่ 2 ระบุสินค้าที่จะอยู่ในกลุ่มการจัดส่งพิเศษ

ค่าตั้งต้นของรูปแบบการจัดส่งสินค้า คือ “การจัดส่งแบบทั่วไป” ดูวิธีการตั้งค่าการจัดส่งสินค้าแบบทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่มีการตั้งค่าการจัดส่งแบบพิเศษ (ที่ตั้งค่าไปในขั้นตอนที่ 1) คุณจำเป็นต้องระบุรายการสินค้าที่อยู่ในกลุ่มการจัดส่งนั้นๆ ด้วยเช่นกัน

วิธีการระบุสินค้าที่ต้องการจัดส่งด้วยการขนส่งรูปแบบพิเศษ ไปที่แถบเมนู Wordpress เลือกเมนู สินค้าทั้งหมด คลิกแก้ไขที่รายการสินค้าที่ต้องการ แต่ละประเภทสินค้า (สินค้าทั่วไป และ สินค้าแบบหลายตัวเลือก) จะมีวิธีการตั้งค่าแตกต่างกันเล็กน้อย

สินค้าแบบสินค้าทั่วไป

ในแถบเมนูด้านซ้ายมือของกล่องข้อมูลสินค้า ให้เลือก หมวดการจัดส่ง และกำหนด ประเภทการจัดส่ง ตามรายการที่ปรากฏในลิส เพื่อให้สินค้านั้นถูกจัดส่งตามรูปแบบที่ตั้งค่าไว้

สินค้าแบบหลายตัวเลือก

สำหรับสินค้าแบบหลายตัวเลือก สามารถตั้งค่าที่ ระดับสินค้า และ ระดับรูปแบบ

การตั้งค่าระดับสินค้า

หากสินค้ามีหลายตัวเลือก เช่น สีหรือขนาด และทุกตัวเลือกใช้รูปแบบการจัดส่งเดียวกัน (เช่น สินค้าขนาดใหญ่) ผู้ดูแลร้านสามารถตั้งค่าการจัดส่งในระดับสินค้าได้โดยตรง และค่าการจัดส่งในระดับรูปแบบจะถูกตั้งค่าให้สอดคล้องกับค่าที่กำหนดในระดับสินค้า

  • เพื่อตั้งค่า “การจัดส่งในระดับสินค้า” ให้ไปที่แถบเมนูด้านซ้ายมือของกล่องข้อมูลสินค้า ในหมวดการจัดส่ง ให้กำหนด ประเภทการจัดส่ง ตามรูปแบบที่ต้องการใช้ (เช่น สินค้าขนาดใหญ่)
  • เพื่อตั้งค่า “การจัดส่งในระดับรูปแบบ” ให้ไปที่แถบเมนูด้านซ้ายมือของกล่องข้อมูลสินค้า ให้เลือก หมวดรูปแบบ แล้วเลือก SKU ของสินค้าที่ต้องการ ในหัวข้อ ประเภทการจัดส่ง ให้เลือกตัวเลือก เหมือนกับระดับบน (หมายถึง เหมือนกันกับค่าที่ตั้งไว้ในระดับสินค้า)
การตั้งค่าระดับรูปแบบ

ใช้ในกรณีที่สินค้ามีหลายตัวเลือก เช่น สีหรือขนาด โดยแต่ละรูปแบบต้องการกำหนดรูปแบบการจัดส่งที่แตกต่างกัน (เช่น SKU #1 เป็นสินค้าขนาดใหญ่ SKU #2 เป็นสินค้ากลุ่มเปราะบาง) ให้ข้ามการตั้งค่าในระดับสินค้า แล้วไปกำหนดค่าการจัดส่งในระดับรูปแบบแทน

เพื่อตั้งค่า “การจัดส่งในระดับรูปแบบ” ให้ไปที่แถบเมนูด้านซ้ายมือของกล่องข้อมูลสินค้า ให้เลือก หมวดรูปแบบ แล้วเลือก SKU ของสินค้าที่ต้องการ ในหัวข้อ ประเภทการจัดส่ง ให้เลือกตัวเลือกการจัดส่งที่ปรากฎในรายการ

ขั้นตอนที่ 3 กำหนดราคาค่าส่งสำหรับสินค้าพิเศษ

ไปที่แถบเมนู WooCommerce เลือกหัวข้อ ตั้งค่า จากนั้นเลือก การจัดส่ง และเลือกโซนการจัดส่งสินค้าที่ต้องการ คลิกแก้ไข แล้วเพิ่มวิธีการจัดส่ง

เมื่อมีการตั้งค่าการจัดส่งสินค้าสำหรับสินค้ากลุ่มพิเศษ หน้าตั้งค่าการจัดส่งที่คำนวณด้วยอัตราคงที่ จะปรากฎการตั้งค่าเพิ่มเติม ในหัวข้อ “ค่าใช้จ่ายในแต่ละประเภทการจัดส่ง” โดยมีตัวเลือกการคำนวณราคา 2 รูปแบบ คือ

  • ตามประเภท (ค่าขนส่งสำหรับการจัดส่งแต่ละประเภท) หมายถึง ระบบจะคำนวณค่าจัดส่งทุกรายการตามราคาค่าจัดส่งของสินค้าชื้นนั้นๆ ค่าจัดส่งรวมของออเดอร์นี้มาจากค่าจัดส่งทุกสินค้ารวมกัน
  • ตามรายการสั่งซื้อ (คิดค่าจัดส่งจากประเภทการจัดส่งที่แพงที่สุด) หมายถึง ระบบจะเลือกคำนวณค่าจัดส่งตามประเภทการจัดส่งที่ราคาสูงที่สุดเพียงยอดเดียว (คำนวณวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าแบบแรก)

ตัวอย่างเช่น

ร้านกำหนดการจัดส่งแบบธรรมดาสำหรับสินค้าทั่วไป และกำหนดการจัดส่งแบบพิเศษ สำหรับ “สินค้าขนาดใหญ่” และ “สินค้าแตกหักง่าย”

จากตัวอย่าง

  • ขั้นตอนที่ 1 ต้องไปตั้งค่าวิธีการจัดส่งสำหรับสินค้าบางกลุ่ม 2 ประเภท คือ สินค้าขนาดใหญ่ และ สินค้าแตกหักง่าย

  • ขั้นตอนที่ 2 ต้องไประบุสินค้าที่จะอยู่ในกลุ่มการจัดส่งพิเศษทั้ง 2 ประเภท

  • ขั้นตอนที่ 3 ต้องไปกำหนดราคาค่าส่งสินค้าบางกลุ่ม ช่องราคาค่าจัดส่งที่ต้องกรอก มีทั้งหมด 3 ช่อง คือ

    • ราคาสำหรับสินค้าที่ไม่อยู่ในกลุ่มสินค้า / No Shipping class cost (ค่าส่งสำหรับสินค้าทั่วไป)
    • ราคาสำหรับสินค้าขนาดใหญ่
    • ราคาสำหรับสินค้าแตกหักง่าย

และเลือกรูปแบบของการคำนวณ “ค่าใช้จ่ายในแต่ละประเภทการจัดส่ง”

ตัวอย่างการคำนวณการจัดส่งแบบพิเศษ

เราลองมาคำนวณค่าจัดส่งตามตัวอย่าง เพื่อจะได้เห็นภาพว่าคุณควรตั้งราคาค่าจัดส่งโดยการคำนวณแบบไหนระหว่าง คำนวณ ตามประเภท หรือ ตามรายการสั่งซื้อ

รายการสั่งซื้อนี้มีสินค้าทั้งหมด 4 ชิ้นในตระกร้า

  • กลุ่มสินค้าทั่วไป 2 ชิ้น คิดค่าจัดส่งแบบคงที่ ชิ้นละ 30 บาท
  • กลุ่มสินค้าขนาดใหญ่ 1 ชิ้น เป็นการจัดส่งพิเศษ คิดค่าส่งชิ้นละ 200 บาท
  • กลุ่มสินค้าแตกหักง่าย 1 ชิ้น เป็นการจัดส่งพิเศษ คิดค่าส่งชิ้นละ 150 บาท

หากเลือกวิธีการคำนวณ

วิธีที่ 1 ตามประเภท (ค่าขนส่งสำหรับการจัดส่งแต่ละประเภท)
ระบบจะคำนวณการจัดส่งออเดอร์นี้ = 60 (คือ กลุ่มสินค้าทั่วไป: 30บาท *2 ชิ้น) + 200 (กลุ่มสินค้าขนาดใหญ่) + 150 (กลุ่มสินค้าแตกหักง่าย) รวมเป็นเงินทั้งหมด 410 บาท

วิธีที่ 2 ตามรายการสั่งซื้อ (คิดค่าจัดส่งจากประเภทการจัดส่งที่แพงที่สุด)
ระบบจะคำนวณค่าส่งของออเดอร์นี้ตามค่าส่งกลุ่มสินค้าขนาดใหญ่ เพราะเป็นค่าจัดส่งที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด ซึ่งคิดเป็นเงิน 200 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นว่า หากคุณกำหนดตัวเลือกการคำนวณค่าส่งสินค้าแบบตามรายการสั่งซื้อ (คิดค่าจัดส่งจากประเภทการจัดส่งที่แพงที่สุด) ลูกค้าของคุณจะต้องชำระค่าจัดส่งในราคาที่ถูกกว่าการคำนวณแบบ ตามประเภท (ค่าขนส่งสำหรับการจัดส่งแต่ละประเภท) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณจะเลือกวิธีการคำนวณรูปแบบไหน เป็นดุลยพินิจและการตัดสินใจของร้านค้าทั้งสิ้น ไม่มีรูปแบบหรือข้อกำหนดที่ตายตัว