Skip to content

การเพิ่มสินค้าใหม่

วิธีการเพิ่มรายการสินค้าใน Wordpress ทำได้ 2 วิธี คือ

  • เพิ่มสินค้าทีละรายการ
  • เพิ่มสินค้าหลายรายการด้วยไฟล์ CSV

เพิ่มสินค้าทีละรายการ

เพื่อเพิ่มรายการสินค้าใหม่ในระบบ Wordpress ไปที่แถบเมนู สินค้า เลือก เพิ่มสินค้าใหม่

ขั้นตอนที่ 1 กรอกชื่อสินค้าและรายละเอียดสินค้า

คำแนะนำในการตั้งชื่อสินค้า

  • กระชับและเข้าใจง่าย เช่น * ✓ เสื้อยืดคอกลม สีดำ* ดีกว่า * ✕ เสื้อที่สวยและใส่สบายสีดำ*
  • ใช้คำสำคัญ (Keyword) เพื่อให้ค้นหาได้ง่าย เช่น รองเท้าวิ่ง Nike Air Zoom
  • หลีกเลี่ยงอักขระพิเศษหรืออีโมจิ
  • ใส่ข้อมูลที่จำเป็น เช่น รุ่น, สี, ขนาด เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันที

คำแนะนำในการเขียนรายละเอียดสินค้า

  • เขียนให้อ่านง่าย ใช้ประโยคสั้นๆ และแบ่งเป็นหัวข้อ
  • เน้นคุณสมบัติหลักของสินค้า เช่น วัสดุ, ขนาด, วิธีใช้
  • ใช้รูปแบบของตัวอักษรประเภทต่างๆ ในการแบ่งหัวข้อให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและค้นหาข้อมูลได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น การใช้ “Heading ระดับต่างๆ” สำหรับหัวข้อสำคัญ ใช้ “Paragraph”สำหรับรายละเอียดในแต่ละส่วน
  • ใช้ Bullet Points หรือเครื่องหมายนำสายตา ช่วยให้อ่านง่าย เช่น
    • ผลิตจากผ้า Cotton 100%
    • ระบายอากาศได้ดี
    • ซักเครื่องได้ ไม่หดตัว

ขั้นตอนที่ 2 ตั้งค่าข้อมูลสินค้า

การตั้งค่าข้อมูลสินค้า เริ่มจากกำหนดประเภทสินค้า โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 2 ประเภท

  • สินค้าทั่วไป (Simple Product) คือ สินค้าที่ไม่มีตัวเลือกใดๆ ให้ตัดสินใจเลือก ลูกค้าสามารถเพิ่มลงตระกร้าได้ทันที
  • สินค้ามีหลายแบบ (Variable Product) เป็นสินค้าที่มีหลายรูปแบบให้ตัดสินใจเลือกก่อนการเพิ่มลงตระกร้า เช่น มีหลายสี, หลายขนาด สินค้าแต่ละแบบในประเภทสินค้านี้ จะถูกมองเป็นสินค้าทั่วไป 1 รายการ แต่ละรูปแบบก็มีรหัสสินค้า, มีจำนวนสต๊อค, มีราคา มีการตั้งค่าอื่นๆ ที่เป็นเฉพาะของรูปแบบนั้นๆ

วิธีตั้งค่าข้อมูลสินค้าทั่วไป

  • หมวดทั่วไป (General): ตั้งค่าราคาขาย และ ราคาที่ลด (ถ้ามี)
  • หมวดสินค้าคงคลัง (Inventory): ตั้งค่าจำนวนสต๊อคสินค้า แนะนำให้ติ๊กเลือก “การจัดการสต๊อคสินค้า” เพราะ ระบบจะคอยติดตามสถานะของสินค้าอัตโนมัติ และจะส่งอีเมลแจ้งเตือนร้านค้าหากจำนวนสินค้าเหลือน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
  • หมวดการจัดส่ง(Shipping): การตั้งค่าที่เกี่ยวกับการจัดส่ง คือ น้ำหนัก, ขนาดสินค้า

วิธีตั้งค่าข้อมูลสินค้ามีหลายแบบ

หมวดคุณลักษณะ (Attributes)

คุณลักษณะ (Attributes) ใช้กำหนดลักษณะของสินค้า โดยประกอบไปด้วย

  • ชื่อคุณลักษณะ เช่น สี, ขนาด, ประเภท
  • ตัวเลือกคุณลักษณะ เช่น คุณลักษณะ “สี” = สีขาว, สีดำ, สีแดง หรือ คุณลักษณะ “ขนาด” = S, M, L, XL

คุณลักษณะของสินค้ามีหลายแบบ สามารถกำหนดได้ 2 วิธี คือ

วิธีที่ 1: กำหนดเป็นคุณลักษณะเฉพาะสำหรับสินค้าชิ้นนั้น

วิธีการตั้งค่าคุณลักษณะเฉพาะสินค้า

  • ใช้สำหรับสินค้าที่มีคุณลักษณะเฉพาะเจาะจง และไม่ต้องการนำไปใช้ซ้ำกับสินค้าอื่น
  • คุณลักษณะเฉพาะนี้จะถูกสร้างขึ้นในหน้าตั้งค่าสินค้าโดยตรง
  • ข้อเสีย: ไม่สามารถนำไปใช้ซ้ำในสินค้าชิ้นอื่นได้
วิธีที่ 2: กำหนดเป็นคุณลักษณะทั่วไป

วิธีการตั้งค่าคุณลักษณะทั่วไป

  • สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ในหลายสินค้าภายในร้าน เช่น สี, ขนาด, หรือวัสดุ
  • คุณลักษณะทั่วไปต้องตั้งค่าล่วงหน้าในหน้าคุณลักษณะ
หมวดรูปแบบ (Variations)

รูปแบบสินค้าจะขึ้นอยู่กับจำนวนค่าของคุณลักษณะสินค้าที่กำหนดไว้ คำนวณจากสูตร: จำนวนรูปแบบ = จำนวนค่าของคุณลักษณะที่ 1 x จำนวนค่าของคุณลักษณะที่ 2 x …

ตัวอย่างเช่น

สินค้าหลายรูปแบบที่มีคุณลักษณะที่ 1 “สี” = 2 สี (สีขาว + สีดำ) และ คุณลักษณะที่ 2 “ขนาด” = 3 ขนาด (S, M, L) สินค้านี้จะมีรูปแบบทั้งหมด = 2 X 3 = 6 รูปแบบ

สินค้าทั้ง 6 รูปแบบ มีรหัสสินค้า SKU, รูปภาพ, มีจำนวนสต๊อค, ราคา และการตั้งค่าอื่นๆ เฉพาะตัวที่ต่างกัน

วิธีการกำหนดค่าของสินค้าแต่ละรูปแบบสำหรับสินค้ามีหลายแบบ

  • กำหนดทีละรูปแบบ: ใช้ในกรณีแต่ละรูปแบบมีรายละเอียด (รูปภาพ, มีจำนวนสต๊อค, ราคา, ขนาดสินค้า, วิธีการจัดส่ง) ที่ไม่เหมือนกัน
  • กำหนดทีเดียวพร้อมกัน: ใช้ คำสั่งเหมา (Bulk Actions) เพื่อกำหนดค่าในทุกรูปแบบสินค้าพร้อมกัน โดยเลือกหัวข้อและระบุค่าตามที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 3 เพิ่มรูปภาพสินค้า

รูปภาพของสินค้า 1 ชิ้น ประกอบด้วย

  • ภาพหน้าปก 1 รูป
  • ภาพแกลเลอรี่สินค้าไม่จำกัดจำนวน

ขั้นตอนที่ 4 เพิ่มวิดีโอตัวอย่างสินค้า (ถ้ามี)

วิดีโอเป็นฟีเจอร์พิเศษเฉพาะสำหรับร้านค้าที่สร้างเว็บไซต์ด้วยชุดติดตั้งพร้อมเซลล์

ในหน้าแคตตาล็อกสินค้าบนเว็บไซต์ หากสินค้านั้น…

✓ มีไฟล์วิดีโอที่อัปโหลดไว้ → ระบบจะแสดงวิดีโอเป็นสื่อหลักแทนภาพหน้าปกสินค้าโดยอัตโนมัติ
✕ ไม่มีไฟล์วิดีโอ → ระบบจะแสดงภาพหน้าปกสินค้าที่ตั้งค่าไว้ในขั้นตอนที่ 3 แทน

รายละเอียดไฟล์วิดีโอ

  • รองรับไฟล์วิดีโอทั่วไป
  • ขนาดไฟล์สูงสุด: 100MB
  • ความยาวสูงสุดไม่เกิน 20 วินาที (หากวิดีโอที่อัปโหลดยาวเกินกำหนด ระบบประมวลผลวิดีโอจะตัดความยาวให้อัตโนมัติ)
  • ขนาด 1:1 สี่เหลี่ยมจัตุรัส (หากวิดีโอที่อัปโหลดมาเป็นขนาดอื่น ระบบประมวลผลวิดีโอจะตัดขนาดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้อัตโนมัติ)

ขั้นตอนที่ 5 กำหนดหมวดหมู่สินค้า

วิธีการกำหนดหมวดหมู่สินค้า มี 2 วิธี

  • เพิ่มหมวดหมู่ใหม่
  • เลือกหมวดหมู่เดิมที่มีอยู่แล้ว: คลิกเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการจากรายการที่ปรากฏในกล่องหมวดหมู่ได้เลย

ขั้นตอนที่ 6 ตั้งค่าการแสดงผล

การตั้งค่าการแสดงผลจะเป็นตัวกำหนดว่าสินค้าจะปรากฏในหน้าเว็บไซต์อย่างไร และผู้ใช้ใดบ้างมีสิทธิ์ในการมองเห็นและเข้าถึงข้อมูล

ดู วิธีการตั้งค่าการแสดงผล

ตั้งค่าสถานะของสินค้า (Status)

กำหนดสถานะของสินค้าในระบบว่า “พร้อมนำเสนอลูกค้าสู่หน้าเว็บไซต์หรือไม่?”

  • เผยแพร่ (Published) → สินค้าพร้อมปรากฏให้ลูกค้าเห็นในหน้าเว็บไซต์
  • รอการตรวจสอบ (Pending Review) → สินค้ารอการตรวจสอบจากผู้ดูแลระบบก่อนที่จะเผยแพร่
  • ฉบับร่าง (Draft) → สินค้าถูกบันทึกไว้ในระบบ แต่ยังไม่ถูกเผยแพร่ให้ลูกค้าเห็นบนหน้าเว็บไซต์

ตั้งค่าการมองเห็น (Visibility)

กำหนดว่า “ผู้ใช้กลุ่มไหนสามารถเข้าถึงสินค้านั้นได้”

  • สาธารณะ (Public) → เป็นค่าตั้งต้น กำนดว่าลูกค้าทุกคนเข้าชมรายการสินค้านี้ในหน้าเว็บไซต์ได้
  • ป้องกันด้วยรหัสผ่าน (Password Protected) → ลูกค้าทุกคนมองเห็นสินค้านี้ในหน้าแคตตาล๊อค แต่ต้องเป็นสมาชิก และต้องกรอกรหัสผ่านถึงมีสิทธิ์ในการเข้าดู
  • ส่วนตัว (Private) → สินค้าในหน้าเว็บจะถูกซ่อนไว้จากลูกค้าทั่วไป มีเพียงผู้ดูเลร้านที่สามารถเห็นได้

ขั้นตอนที่ 7 บันทึกข้อมูล

เมื่อเพิ่มสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1-6 เสร็จสิ้น คลิกปุ่ม อัปเดต เพื่อบันทึกข้อมูล

เพิ่มสินค้าหลายรายการด้วยไฟล์ CSV

ไว้มาเขียนต่อ